อาหารอันตราย
" อาหาร "!!! ถือเป็นหนึ่งใน " ปัจจัย 4 " ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ ซึ่งตามหลักทั่วไปอาหารที่ รับประทานเข้าสู่ร่างกายต้องคุณภาพดี มีสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ที่สำคัญคือต้องสะอาดและปราศจาก " สารพิษ " เจือปน อันจะก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่สุขภาพ" สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พบว่า มี " เมนูโปรด " ของใครหลายคน ถูกจัดเป็น " อาหารอันตราย " อย่างน้อยๆ 10 ชนิด ได้แก่.....
1. แฮมเบอร์เกอร์
จัดเป็นอาหารประเภทที่มีความเสี่ยงสูง" เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ "เนื้อ" มาใช้ปรุงทำให้มี "แบคทีเรีย" เกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้ "สารเคมีสีแดง" มา ช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว นอกจากนี้ แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมด จะใส่ " สารปรุงรส " ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ โดย "MSG"เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการ ทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย
2. ฮอทด็อก
เป็นอีก " เมนูอันตราย " เพราะมีกระบวนการผลิตคล้าย แฮมเบอร์เกอร์ และ " ฮอทด็อก " ทั้ง หมดยังใส่ " สารไนไตรท์ " เพื่อช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม โดย " สารไนไตรท์ " เป็นสารที่ทำให้เกิด " โรคมะเร็ง " ในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกใน สมองและ มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ " ถุงหลอด " ที่ใช้บรรจุ ฮอทด็อก ก็ทำจาก " คอล ลาเจนสังเคราะห์ " ที่เป็นสารก่อให้เกิด " โรคมะเร็ง " ได้สูง มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผย อยู่ประมาณ 40% เมื่อนำ ไปปิ้งย่าง มันจะทำให้มี " สารพิษร้ายแรง " ที่เรียกว่า " อะคริลิไมด์ " (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็น สารก่อมะเร็งและ " ทำลายประสาท "
3. เฟร้นช์ฟราย-มันฝรั่งทอด
เป็นอาหารที่มี " ความเป็นพิษสูง " โดยการทอด " เฟร้นช์ฟราย " ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี " สาร อะคริลิไมด์ " ออกมา นอกจากนี้ " น้ำมัน " ที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ " ออกซิไดซ์ " ในมันฝรั่งยังมี " ดรรชนีกลีซิมิค "อยู่สูงมาก.....นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็น น้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก
4.โอริโอ้ คุกกี้
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น
5. พิซซ่า
" พิซซ่า " ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ "ตัดแต่งพันธุกรรม" 5 ชนิด คือ 1." เนยแท้ " (cheese) เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย 2."แป้ง" ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตาม จำนวนโม เลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่ 3."ซอสมะเขือเทศ" ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง "ยาฆ่าแมลง" ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน 4."แป้งสาลี" ชนิดที่มีการตัดแต่งทาง พันธุกรรม
6. น้ำอัดลม
สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน " น้ำอัดลม " คือ " กรดกำมะถัน "( Phosphoric acid ) ซึ่งมีความเป็นกรด สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนัก ตัวลดลงได้ และ " น้ำโซดา " ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวของน้ำอัดลมจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียม ออกจาก กระดูก จนทำให้เกิด " โรคกระดูกพรุน " นอกจากนี้ใน น้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมี "น้ำตาล ที่ไม่ให้พลังงาน" อยู่ 12 ช้อนชา ใน น้ำอัดลม ที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Diet soda ที่ใช้ " น้ำตาล เทียมสังเคราะห์ "( Artificial sweetener ) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก ขณะที่ "สี" ที่ใช้เติมใน น้ำอัดลม ยังเป็น " สารก่อมะเร็ง " ด้วย
7. ชิ้นไก่ทอด-เนื้อนุ่มไร้กระดูก
เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลัง งาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสาร ปรุงรส "MSG" ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ " นัคเก็ตชิคเก้น " บางอันจะมี " สารอะลูมิเนียม " ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย
8. ไอศกรีม
มีไขมันอยู่สูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรต อยู่มากเกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มี ความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ต และไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มพูน โคเลสเตอรอล ทำให้เส้น เลือดแดงใหญ่อุดตัน ทำให้มี สารอนุมูลอิสระ ในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิด โรคมะเร็ง
9. โดนัท
โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ใน โดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก กว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมี สาร อนุมูลอิสระ เกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกาย เมตะโบลิสซึม ช้าลง เป็นการคุกคามต่อ สุขภาพที่ดี และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น
ในปัจจุบันมีการบริโภค " โปเตโต้ชิพ " กันมาก โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอด โปเตโต้ชิพ ในแต่ ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มี สารอะคริลิไมด์ ( Acrylimides ) ซึ่งเป็น สารก่อโรคมะเร็ง และ ทำลายประสาท ออกมา นอกจากนี้การรับประทาน โปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับ สารอะคริลิไมด์สูง มากกว่า 500 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มี ในน้ำดื่มทั่วไปได้การรับประทาน โปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น อาจได้รับ สารอะคริลิไมด์ เท่ากับอัตราที่มีอยู่ ในน้ำดื่ม 1 แก้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น